เนื่องจากคำจำกัดความของ ‘โรงภาพยนตร์’ ใน พรบ.ภาพยนตร์ฯ ฉบับ 2551 หมายรวมถึงหนังกลางแปลงด้วย ดังนั้นคนทำหนังกลางแปลงจึงต้องขึ้นทะเบียนเป็นโรงภาพยนตร์ไม่ต่างจากโรงหนังทั่วไป ทว่าจ่ายค่าธรรมเนียมถูกกว่า (2,000 บาท ขณะที่โรงภาพยนตร์ที่เป็นอาคารหรือส่วนหนึ่งของอาคารจ่าย 5,000 บาท โดยใบอนุญาตของหนังกลางแปลงสามารถนำไปใช้ได้ทั่วประเทศ) และเมื่อระบบการจัดเรตประกาศใช้ หนังกลางแปลงก็จะต้องฉายหนังที่อยู่ในเรต ‘ภาพยนตร์ที่ควรส่งเสริมให้มีการดู’ และ ‘ภาพยนตร์ที่เหมาะกับผู้ชมทุกวัย’ เนื่องจากเป็นการฉายหนังในที่ที่ใครๆ ก็สามารถดูได้
ทว่าเอาเข้าจริงๆ คนทำธุรกิจหนังกลางแปลงส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่ามีข้อบัญญัตินี้อยู่ใน พรบ.ภาพยนตร์ และเมื่อใดก็ตามที่ พรบ.ฉบับนี้ประกาศใช้ก็น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการหนังกลางแปลงไม่น้อยเลยทีเดียว
อมรเทพ เอกอังคณา หัวหน้าคณะหนังกลางแปลง ‘ยิ้มยิ้ม 2 ภาพยนตร์’ เผยว่า “เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามีข้อจำกัดพวกนี้ด้วย ทุกวันนี้คนฉายหนังกลางแปลงอยู่กระจัดกระจายไปหมดแล้ว จะมีโอกาสเจอกันได้ก็ต่อเมื่อมีช่วงเทศกาลเท่านั้น เรื่องกฎหมายอะไรนี่จึงยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ลำพังทุกวันนี้พวกผมก็หากินกันลำบากอยู่แล้ว บางครั้งฉายหนังก็มีคนดูอยู่ไม่ถึง 10 คนด้วยซ้ำ แค่หนังเราฉายไม่ทันดีวีดี วีซีดี คนดูเขาก็ปฏิเสธแล้ว ยิ่งเจอการจำกัดการฉายอีก ผมว่าอีกไม่นานนี้หนังกลางแปลงคงสูญพันธุ์แน่ๆ”
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการหนังกลางแปลงยังไม่จำเป็นต้องไปขึ้นทะเบียนโรงภาพยนตร์ในช่วงนี้ หรือถ้าไปทำเรื่องในช่วงนี้ก็จะยังไม่ได้รับใบอนุญาต (แต่จะมีชื่อขึ้นรอไว้ในทะเบียน) เนื่องจาก พรบ.ภาพยนตร์ฯ 2551 ยังไม่สมบูรณ์นั่นเอง
ขอขอบคุณความอนุเคราะห์จาก
บทความจาก “หนังกลางแปลง” โดนด้วย คอลัมน์ ไทยทัศนา นิตยสาร ไบโอสโคป ฉบับที่ 88 มีนาคม 2552
หน้าที่เข้าชม | 70,442 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 55,159 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 ธ.ค. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 30 ส.ค. 2568 |